จากการกวาดคะแนนรีวิว 10/10 ไปอย่างท่วมท้น ในที่สุดก็ได้เล่นเองกับมือกับหนึ่งในเกมที่แฟน ๆ รอคอยมากที่สุดในปีนี้
หลังจากภาคที่แล้ว The Legend of Zelda: Breath of the Wild ปฏิวัติเกมแนว open-world ที่เราเข้าใจมาโดยการให้ความอิสระอย่างแท้จริงในการมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมของเกมแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้แฟน ๆ ที่เฝ้ารอภาคต่อสงสัยว่าจะปรับปรุงยังไงให้ดีขึ้นไปอีก อีกทั้งยังมีความกังขาด้วยเพราะใช้แผนที่เดิม
แต่ความกังวลทั้งหมดก็หมดไปพร้อมกับรีวิวที่ออกมาด้วยคะแนน 10/10 จากหลากหลายสำนักจนนับไม่ไหว ชื่นชมว่าเป็นเกมที่ไม่ควรจะมีอยู่ ปรับปรุงพื้นฐานของ Breath of the Wild อย่างดีเยี่ยม
ทว่า นี่ไม่ใช่การรวบรวมรีวิวจากที่ต่าง ๆ หรือกระทั้งรีวิวของผมเอง(เพราะยังเล่นไม่จบ) แต่เป็นความรู้สึกของผมเมื่อเล่นไปแล้ว 30 ชั่วโมง เชิญอ่านได้เลยครับ ไม่มีสปอย
ท้องฟ้า
พื้นที่แรกของเกมที่จะสอนผู้เล่นชื่อ The Great Sky Island เปรียบได้กับ The Great Plateau ในภาคที่แล้ว แต่ในความรู้สึกคิดว่าใหญ่กว่ามากและคลำทางไปยากกว่า The Great Plateau เพราะโทนสีที่ใช้ไปในทางเดียวกันคือสีสว่างเน้นเหลืองแสบตาเหมือนท้องฟ้ายามเช้า
กลับมาที่เกม ในพื้นที่นี้เราจะได้เรียนรู้ ability 4 อย่างคือ
- Ultrahand เป็นความสามารถหลักของภาคนี้ใช้สร้างสิ่งประดิษฐ์จากวัตถุในเกมและ Zonai parts
- Fuse ฟิวชั่นวัตถุเข้ากับอาวุธหรือโล่
- Ascend ความสามารถในการพุ่งทะลุกำแพงหรือวัตถุที่อยู่เหนือผู้เล่นในเงื่อไขที่กำหนด
- Recall ใช้ในการย้อนเวลาวัตถุในลักษณะของย้อนตำแหน่งที่วัตถุเคยอยู่
การใช้ Ultrahand แรก ๆ จะงง ๆ หน่อยเพราะยังไม่ชินกับการหมุนวัตถุแบบ 3D พลิกไปพลิกมาไม่ถูกด้านสักที แต่ใช้ไปสักพักก็จะชินไปเอง ตอนแรกแค่สร้างแพที่แค่เอาไม้สองสามอันที่แปะติดกันยังลำบาก
ในพื้นที่นี้เราได้รู้อีกว่าเกมมีถ้ำแล้วและไม่ใช่เล็ก ๆ ด้วยนะ ใหญ่และซับซ้อนทีเดียว อีกทั้งศัตรูใหม่ ๆ อย่าง construct กับหน้าเก่าที่กลับมาอย่าง like like
เมื่อได้ความสามารถครบแล้วก็จะดิ่งพสุธาลงไปยังผืนดินไฮรูล
ผืนดิน
เมื่อเท้าแตะพื้นก็รู้สึกได้เลยว่าแผนที่มันไม่เหมือนเดิม หอคอย sheikah หายไปแล้ว มีหอคอยอีกแบบมาแทนและดีกว่าเดิมด้วย เป็นหอคอยที่ยิงผู้เล่นขึ้นไปบนอากาศให้ร่อนลงพื้น แน่นอนว่าคนเล่นจะใช้มันในการเดินทางเพราะไวกว่าเดินเท้า
ผืนดินนี่มีหลายอย่างเพิ่มขึ้นมามาก เมืองที่เปลี่ยนไปหรือเกิดใหม่ แคมปืมอนสเตอร์ใหม่ๆ มอนใหม่ บอส bokoblin ที่ตัวใหญ่สุดนี่รู้สึกเหมือนครูอนุบาลคอยเป้นหัวแถว พวกนี้เดินตามเป็นแถวตอนเดียวเลย
Shrine กลับมาเหมือนกัน แต่คราวนี้น่าเบื่อน้อยลง ใช้สมองมากขึ้น ตอนแก้เกมปริศนานี่คิดตลอดเวลามันใช่วิธีที่เขาออกแบบมาหรือเปล่า
และบนผืนดินก็ไม่ได้มีแต่ถ้ำแบบถ้ำที่มีทางเขาตามผาอย่างเดียว มีถ้ำที่อยู่ในบ่น้ำอีก อยากเน้นถ้ำเยอะๆ เพราะหลายถ้ำเลยที่ใหญ่และซับซ้อนมาก และนอกจากถ้ำและบ่อน้ำแล้ว บนผืนดินยังมีหลุมใหญ่ ๆ บนพื้นที่เมื่อกระโดลงไปแล้วเราจะลงไปที่…
ใต้ภิภพ
ตรงนี้รู้สึกเหมือนเล่นคนละเกมกับสองพื้นที่ก่อนหน้า มันรู้สึกเหมือนเป็นเกมเอาชีวิตรอดและบริหารทรัพยากรมากกว่าเพราะเริ่มแรกมาจะมืดมาด มืดแบบดำสนิทเลย แต่เราสามารถมองเห็นได้จากเมล็ดนึงที่ขว้างออกไปแล้วจะทำการส่องแสงรอบ ๆ เหมือนหลอดไฟ หรือหาไอที่เหมือนหลอดไฟใหญ่ๆ แล้วเปิดการทำงานของมัน ก็จะทำให้พื้นที่รอบๆ สว่างขึ้นเหมือนกัน พร้อมกันเปิดแผนที่เพิ่มด้วย
มอนสเตอร์ในพื้นที่นี้ก็มีการทำงานต่างจากบนผืนดินตรงที่เมื่อโจมตีจะไม่ได้ลดแค่หัวใจ แต่มันจะไปลดค่าหัวใจสูงสุดด้วย และค่าหัวใจสูงสุดคือไม่ฟื้นคืนกลับมาจนกว่าจะกลับขึ้นไปบนผืนดินหรือทานอาหารที่มีคุณสมบัตินั้น
The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom นั้นดูเผินๆ จะมีความคล้ายกับภาคก่อนมาก แต่เมื่อเล่นเองแล้วจะเห้นว่ามีการปรับปรุงขึ้นแบบสุด ๆ และทำให้รูปแบบเกมในทรงนี้ดีขึ้นมาก ๆ คำว่าดีจนไม่ควรจะมีอยู่นี่ไม่เกินจริง เกมมีความซับซ้อนมากทั้งในตัวระบบเกมและแผนที่ คนเล่นจะไม่ผิดหวังกับไฮรูลในเกมนนี้แน่นอน
ผมก็ขอไปเล่นต่อนะครับ สวัสดีครับ